วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สารในบุหรี่มีโทษ


๑.นิโคติน (Nicotine) เป็นสารแอลคาลอยด์(Alkaloid) มีลักษณะเป็นน้ำมัน ไม่มีสี นิโคตินมีในควันบุหรี่ประมาณ 95% จะเข้าไปจับอยู่ในปอด บางส่วนจับอยู่ในปอด บางส่วนจับอยู่ที่เยื่อหุ้มริมฝีปาก และบางส่วนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางและกระตุ้นต่อมหมวกไต ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วหลอดเลือดรัดตัวนิโคตินเป็นสารสำคัญในบุหรี่ทำให้เสพติด ต้องสูบอยู่เรื่อยๆ แต่เลิกสูบยาก

๒. ทาร์ (Tar) เป็นน้ำมันเหนียวข้น สีน้ำตาล เมื่อสูบบุหรี่ทาร์ที่เข้าไปพร้อมกับควันบุหรี่จะจับอยู่ที่ปอด ทำให้ระคายเคือง มีอาการไอ ถุงลมในปอดขยาย และให้เป็นมะเร็งได้

๓. คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbonmonoxide) เป็นก๊าซจากควันบุหรี่ ที่ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง รู้สึกอ่อนเพลีย หายใจ สั้น เหนื่อยง่าย อาจจะหน้ามืดเป็นลม และถ้ามีปริมาณคาร์บอนมอนนอกไซด์ในเลือดสูงถึง 60 % ก็อาจเสียชีวิตได้

๔. ไฮโดรเจนไซยาไนต์ (Hydrogencyanide) ก๊าซชนิดนี้จะเข้าไปทำลายเยื่อบุหลอดลมชนิดมีขน ทำให้สิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าไปทำลายหลอดลม ก่อให้เกิดอาการไอมีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง

๕. ไนโตรเจนไดออกไซด์(Nitrogendioxide) เป็นก๊าชที่สามารถทำลายเยื่อหลอดลม ทำให้ถุงลมโป่งพอง

๖. แอมโมเนีย (Ammonia) เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดลมอักเสบ

๗. สารกัมมันตภาพรังสี ในควันบุหรี่มีรังสีแอลฟาอยู่ ซึ่งรังสีชนิดนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

๘. แร่ธาตุต่างๆ ซึ่งเป็นสารที่ตกค้างอยู่ในใบยาสูบจากการพ่นยาฆ่าแมลง เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็ทำให้เกิดภาวะเป็นพิษได้

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว

ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหววัดด้วยมาตราริกเตอร์แบ่งออกได้เป็น 6 ระดับ คือ

ลำดับ
ระดับริกเตอร์
ระดับความสั่นสะเทือนและความรุนแรง
1
1.0–2.9 ริกเตอร์
เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ประชาชนรับความรู้สึกได้ บางครั้งรู้สึกเวียนศีรษะ
2
3.0–3.9 ริกเตอร์
ผู้อยู่ในอาคารจะรู้สึกสั่นไหว เหมือนมีรถไฟ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านข้างๆ
3
4.0–4.9 ริกเตอร์
เกิดการสั่นไหวขนาดปานกลาง วัตถุที่แขวนไว้จะมีอาการแกว่งไกวไปมา
4
5.0–5.9 ริกเตอร์
เกิดการสั่นไหวรุนแรง บริเวณกว้าง เครื่องใช้ไม้สอย และวัตถุสิ่งของเคลื่อนที่
5
6.0-6.5 ริกเตอร์
เกิดการสั่นไหวรุนแรงมาก อาคารบ้านเรือนจะเกิดความเสียหาย มีการพังทลาย
6
7.0 ริกเตอร์ขึ้นไป
จะเกิดความสั่นไหวรุนแรง อาคารสิ่งก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง สะพาน จะเกิดความเสียหายมาก แผ่นดินแตกแยก วัตถุที่อยู่บนพื้นจะถูกเหวี่ยงกระเด็น

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันนั้นอ่อนแอ แต่ไม่ใช่วันนี้

วันนั้นอ่อนแอ แต่วันนี้ไม่ใช่ ...คุณกำลังกลัวความรักอยู่หรือเปล่า... "ความรัก คือ การทิ้งความกลัวไป"
คำกล่าวที่มีความหมายดีๆ นี้ดูสวยงาม แต่อาจจะยากแก่การลงมือทำ จริงๆ ในสายตาของบางคน ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาเลย หรือคนที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย จากความรักมาแล้ว.....
ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะพวกเขารู้สึกว่า การนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับความรัก ก็เหมือนกับการเสี่ยง... เสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธ... ถูกทำให้ผิดหวัง...ถูกทอดทิ้ง..และทำให้เจ็บปวด จึงเป็นที่มาของความรู้สึก..กลัวความรัก.....
.... แม้ความรักอาจไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่มันก็มีค่า... ต่อการมีชีวิตอยู่ เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำอะไรได้มากมาย
.... อยากบอกกับคนที่ยังกลัวความรักว่า ไม่ผิดหรอกที่คุณจะกลัวมัน เพราะอย่างน้อยคุณก็รู้ตัวเองดีว่า กลัวความรัก ต่างกับคนที่วิ่งหนีความรัก และเฝ้าหลอกลวงตัวเองว่า มีความสุขดีแล้วกับการอยู่คนเดียว...
ไม่จำเป็นต้องพบเจอและสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง เพราะกลัวจะต้องรักคนอื่น แต่ลืมนึกไปว่า ถึงเราจะหนีมันอย่างไร ก็หนีไม่พ้นหรอก เพราะความรักมันอยู่ในใจของเรา จะหนียังไงมันก็เจ็บปวดอยู่ลึกๆ แล้วคุ้มหรือเปล่ากับการต้องหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
.... หนทางของความรัก มันอาจจะไม่ได้เป็นภาพที่ชัดเจน ให้เราเดินไปได้สะดวกหรือง่ายๆ แต่สิ่งที่รออยู่ที่ปลายทางนั้น ก็มีค่ามากพอ ที่จะกวักมือเรียกเราให้เดินเข้าไปหา
.... แทนที่เราจะวิ่งหนีมัน ก็เปลี่ยนมาเป็นเตรียมตัวเองให้พร้อม และเวลาที่จะต้องไปเจอกับมันดีกว่า เหมือนกับเวลาที่เราออกเดินทาง ก็เตรียมเสื้อกันหนาวไปบ้างเผื่อเจออากาศที่หนาวเย็น เสื้อกันฝนหยิบไปหน่อยก็ดี เผื่อหยิบมาใส่เวลาที่ฝนมันตก หยูกยาก็ติดไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ พอปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นเวลาเจ็บไข้
.... แต่ถ้าเดินทางออกไปแล้วโชคร้าย ต้องสะบักสะบอมกลับมาก็ไม่เป็นไร... รักษาตัวเองใหม่ เผื่อออกเดินทางในครั้งต่อไปก็เท่านั้นเอง.. แต่เชื่อไหมว่า..การเดินทางครั้งต่อไปของเรา มันต้องดีกว่าครั้งแรกอยู่แล้วล่ะ... ว่าไหม...?
..."วันนั้น อ่อนแอ แต่วันนี้ไม่ใช่"...

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สภาวะโลกร้อนจร้า.......


ภาวะโลกร้อน คือ การที่ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือน กระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ว่า Green house effect ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และ การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนั้น มนุษย์เรายังได้เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน ( CFC) เข้าไปอีก ด้วย พร้อมๆกับการที่เราตัดและทำลาย ป่าไม้จำนวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอำนวย ความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้กลไกใน การดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป จากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิ ภาพลง และในที่สุดสิ่งต่างๆที่เราได้กระทำ ต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของ ภาวะโลกร้อน